รางกระดูกงู (Cable Drag Chain)
เราจำหน่าย รางกระดูกงู (Cable Drag Chain) หรืออีกชื่อว่า Cable Carrier มีลักษณะเป็นรางลักษณะคล้ายโซ่ มีไว้ใช้ในการร้อยสายไฟ เก็บสายไฟ และติดตั้งกับเครื่องจักรที่จำเป็นต้องมีการเคลื่อนไหว ช่วยลดการดัดตัวของสายไฟ ลดอุบัติเหตุจากการทำงานของเครื่องจักร ช่วยให้อายุการใช้งานของสายไฟยืนยาวขึ้น
สินค้าของเราหมวด : รางกระดูกงู (Cable Drag Chain)
จุดเด่นของ รางกระดูกงู (Cable Drag Chain) ของเรา
1. มีความทนทาน
รางกระดูกงู ได้รับการผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพ จึงมีความทนทาน สามารถใช้งานได้ยาวนาน
2. มีหลากหลายประเภท
เรามีรางกระดูกงู หลากหลายรุ่น หลากหลายวัสดุ สามารถนำไปใช้งานได้ตรงตามต้องการ ทั้งแบบพลาสติก โลหะ
3. ได้รับมาตรฐานสากล
สินค้าที่เราจำหน่ายได้รับการรองรับจากมาตรฐานสากล จึงมั่นใจได้ในคุณภาพของสินค้า
4. มีหลายขนาดให้เลือกใช้
สินค้าที่เราจำหน่ายมีให้เลือกในหลากหลายขนาด สามารถรองรับการใช้งานของคุณลูกค้าได้อย่างแน่นอน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
รางกระดูกงู (Cable Drag Chain) คืออะไร ?
รู้จักกับ รางกระดูกงู (Cable Drag Chain)
รางกระดูกงู (Cable Drag Chain) หรือ กระดูกงู เก็บสายไฟ (Cable Carrier) เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่นิยมใช้กับเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม ที่มีใช้งานกับเครื่องจักรที่มีการเตลื่อนไหว มีลักษณะคล้ายโซ่ ที่ดัดโค้งงอได้ ประกอบไปด้วยข้อต่อหลายๆ ข้อต่อที่ประกอบติดเข้าด้วยกัน และภายในรางก็จะมีช่องไว้ใช้สำหรับในการร้อยสายไฟเข้าไปภายในราง
โดยประโยชน์ของรางกระดูกงู คือ ช่วยเก็บสายไฟที่มีความจำเป็นที่ต้องขยับบ่อยๆ เช่นสายพานลำเลียง ให้เป็นระเบียบ ลดโอกาสที่สายไฟจะพันกัน สายไฟหลุดจากตำแหน่งและลดโอกาสที่สายหายจะหักในเพราะการเคลื่อนไหวจากมุมพับ
รางกระดูกงูที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน จะมีทั้งวัสดุที่ทำจากพลาสติก และโลหะ ซึ่งโลหะนี้จะมีทั้งแบบเหล็กชุบ และสแตนเลสสตีล ซึ่งจะแตกต่างกันในด้านการใช้งาน ความทนทาน น้ำหนักและราคา
ข้อดี ของการใช้รางกระดูกงู (Cable Drag Chain)
- ใช้จัดสายไฟให้เป็นระเบียบ – เนื่องจากการใช้งานรางกระดูกงู คือติดตั้งกับเครื่องจักรที่จำเป็นต้องมีการเคลื่อนไหว ซึ่งสายไฟอาจจะพันกัน หรือเคลื่อนไหวไปในจุดที่ไม่ต้องการ และเป็นอันตราย ซึ่งจะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายกับสายไฟ
- ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานสายไฟ – เพราะสายไฟมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งรางกระดูกงูจะช่วยลดองศาของสายไฟที่จะงอด้วย ทำให้สายไฟไม่เกิดการหักพับ ซึ่งเป็นต้นเหตุของสายไฟขาดใน ทำให้สายไฟมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
ประเภทของรางกระดูกงู (Cable Drag Chain) ที่เราจัดจำหน่าย
เรามีจำหน่าย รางกระดูกงู (Cable Carrier) อยู่หลากหลายประเภท ดังนี้
- รางกระดูกงูพลาสติก (T Series) – เป็นรางกระดูกงูที่ทำจากพลาสติก PA มีหลากหลายรุ่นหลายขนาด
- รางกระดูกงูพลาสติก (H Series) – เป็นรางกระดูกงูที่ทำจากพลาสติก PA สำหรับงาน Heavy Duty มีหลากหลายรุ่นหลายขนาด
- รางกระดูกงูสแตนเลส – เป็นรางกระดูกงูที่ทำจากสแตนเลส มีความทนทานมาก มีหลากหลายรุ่นหลายขนาด
สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อ รางกระดูกงู
1. ขนาดสายไฟ
เริ่มแรกเราจะต้องทราบถึงขนาดของสายไฟที่ใช้งาน จำนวนสายไฟ เพื่อที่จะสามารถเลือกขนาดของรางกระดูกงูเพื่อให้รองรับการใช้งานได้
2. ขนาดของรางกระดูกงู
ขนาดของรางกระดูกงูจะ มีผลต่อการใช้งาน ทั้งความใหญ่ของสายไฟ หรือจำนวนสายไฟที่สามารถใส่เข้าไปภายในรางได้
3. ขนาดของพื้นที่ติดตั้ง
พื้นที่ติดตั้งก็สำคัญ ทั้งความสูงและความกว้างของพื้นที่ในการติดตั้ง เพื่อให้สามารถเลือกซื้อรางกระดูกงูที่สามารถทำมาใช้งานและติดตั้งได้ในพื้นที่นั้น ๆ
4. วัสดุ
วัสดุแต่ละชนิดของ ก็จะมี คุณสมบัติความทนทาน น้ำหนัก และอายุการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป จะต้องเลือกให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ
5. คุณภาพสินค้า
การเลือกซื้อ รางกระดูกงู ควรจะมองถึงคุณภาพของสินค้า เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
วิธีดูสเปค รางกระดูกงู (Cable Chain Cable)
ภาพที่แสดงถึงสเปคของรางกระดูกงู
ค่าสำคัญ ของสเปครางกระดูกงู
1. ค่าความสูงรวมของราง (H)
ค่าความสูงรวมของตัวรางกระดูกงู หรือ H จะกล่าวถึงความสูงทั้งหมด วัดจากล่างสุดขึ้นถึงด้านบนสุดของตัวราง ซึ่งค่านี้จะมีความสำคัญเพราะถ้าหากการติดตั้งมีพื้นที่จำกัด จำเป็นจะต้องทราบถึงความสูงรวมของราง และจะต้องเผื่อความสูงขึ้นอีกเพื่อเพิ่มความปลอดภัยจากการใช้งาน
2. ความสูงภายนอก (Outer Height)
ค่าความสูงภายนอก จะเป็นค่าที่แสดงว่าความสูงของตัวรางกระดูกงูบริเวณด้านนอกตัวราง
3. ความสูงภายใน (Inner Height)
ค่าความสูงภายใน จะเป็นค่าที่แสดงถึงความสูงของตัวรางกระดูกงูบริเวณด้านในตัวราง ซึ่งจะส่งผลต่อขนาดสายไฟที่สามารถใส่เข้าไปได้ โดยปกติแล้วจะต้องเผื่อพื้นที่เหลือความสูงภายในประมาณ 2 – 3 มม.. เช่นความสูง 20 มม. ก็ไม่ควรใส่สายไฟที่มีขนาดใหญ่กว่า 18 มม. เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
4. ความกว้างภายนอก (Outer Width)
ค่าความกว้างภายนอก จะกล่าวถึงความกว้างของตัวราง ซึ่งจะมีผลในการติดตั้งกับพื้นที่
5. ความกว้างภายใน (Inner Width)
ค่าความกว้างภายใน จะเป็นค่าที่แสดงถึงความกว้างภายในตัวราง ที่จะส่งผลต่อปริมาณสายไฟที่สามารถใส่เข้าไปได้
6. รัศมีความโค้ง (Radius)
ค่ารัศมีความโค้ง จะกล้าวถึงรัศมีความโค้งของตัวราง ซึ่งค่านี้ควรจะมีค่ามากกว่ารัศมีความโค้งของสายสัญญาณ หรือสายไฟที่นำมาติดตั้งภายใน ถ้าหากน้อยกว่าจะทำให้สายดังกล่าวมีโอกาสเสียหายจากการใช้งานได้
7. ลักษณะของราง (Open Mode)
วิธีการเปิดราง (Open Mode) จะพูดถึงลักษณะของตัวรางกระดูกงู มีดังนี้
- Bridge Closed – จะเป็นประเภทรางที่มีลักษณะปิดทึบทั้งสองด้าน
- Semi Closed – จะเป็นประเภทรางที่มีลักษณะปิดทึบ 1 ด้าน และอีกด้านมีลักษณะเปิด
- Bridge Type – จะเป็นประเภทรางที่มีลักษณะแบบเปิดทั้ง 2 ด้าน
ค่าความกว้างภายใน จะเป็นค่าที่แสดงถึงความกว้างภายในตัวราง ที่จะส่งผลต่อปริมาณสายไฟที่สามารถใส่เข้าไปได้
วิธีการเลือกซื้อรางกระดูกงู ให้เหมาะกับการใช้งาน
- ตัวรางจะต้องมีความแข็งแรงทนทาน ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพ
- เลือกวัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่นอาจจะต้องสัมผัสกับกรด หรือสารเคมีการเลือก รางกระดูกงู ที่ผลิตจากโลหะที่สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า
- มีเสียงรบกวนในการใช้งานน้อย
- สามารถติดตั้งได้ง่าย เช่นเลือกรุ่นที่สามารถ เปิด – ปิด ตัวรางได้ เพื่อทำให้เวลาร้อยสายไฟเข้าไปในตัวรางสามารถทำได้ง่าย
- เลือกประเภทของ Open Mode ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น หากต้องใช้ในบริเวณที่อาจจะมีฝุ่น หรือวัตถุตกใส่ อาจจะใช้เป็นประเภท Bridge Close เพื่อช่วยป้องกันสิ่งแปลกปลอมต่างๆ เข้าไปทำลายสายไฟ
การติดตั้งสายสัญญาณเข้าไปในรางกระดูกงูมีข้อควรระวังอะไรบ้าง
การติดตั้งสายสัญญาณเข้าไปภายในรางก็ก็เป็นอีกขั้นตอนที่มีความสำคัญ เพราะจะส่งผลต่ออายุการใช้งานของทั้งตัวรางเอง และตัวสายไฟหรือสายสัญญาณที่ได้ร้อยเข้าไปภายในราง ดังนั้นการติดตั้งควรระลึกถึงสิ่งต่างๆ ดังนี้
1. ระยะห่างของสายสัญญาณในแต่ละเส้น
ในการทำงานจริงนั้น การติดตั้งสายไฟเข้าไปภายในตัวรางกระดูกงูนั้นอาจจะไม่ได้ใส่เข้าไปเพียงสายเส้นเดียว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและการยืดอายุการใช้งานของตัวสาย เราควรจะทิ้งระยะห่างของสายแต่ละเส้นด้วยดังนี้
1.1. สายไฟ (Electical Cable) – ควรจะเผื่อระยะประมาณ 10% ของเส้นผ่านศูนย์กลางของสาย และแต่ละเส้นควรห่างอย่างน้อย 1 มม.
1.2. สายระบบลม (Pneumatic Lines) – ควรจะเผื่อระยะประมาณ 15% ของเส้นผ่านศูนย์กลางของสาย และแต่ละเส้นควรห่างอย่างน้อย 2 มม.
1.3 สายระบบไฮโดรลิค (Hydraulic Hoses) – ควรจะเผื่อระยะประมาณ 20% ของเส้นผ่านศูนย์กลางของตัวสาย และแต่ละเส้นควรห่างกันอย่างน้อย 3 มม.
2. การติดตั้งสาย ไม่ควรติดตั้งสายซ้อนทับกัน
การติดตั้งสายไฟที่ซ้อนทับกัน เมื่อเวลาทำงานและมีการเคลื่อนไหวตลอด ทำให้สายไฟ หรือสายสัญญาณมีการเสียดสีกัน ทำให้เกิดความร้อนขึ้นในการทำงานได้ และจะทำให้ตัวสายเสียหายได้ไว ทำให้อายุการใช้งานสั้นลง
3. การติดตั้งสาย ควรกระจายน้ำหนักของสายให้ดี
การที่เราติดตั้งโดยที่วางน้ำหนักของตัวสายแบบไม่สมดุล อาจจะทำให้ตัวรางกระดูกงูมีอายุการใช้งานที่สั้นลง ดังนั้นเราควรจะพิจารณาในข้อนี้ในการติดตั้งด้วย
4. เช็ครัศมีความโค้ง
รางกระดูกงูในแต่ละรุ่นจะมีรัศมีความโค้งที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ควรมีรัศมีความโค้งที่มากกว่าสายไฟ เพราะช่วยลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับสายไฟในขณะที่ใช้งานอยู่กับรางกระดูกงู
ทำไมถึงต้องเลือกใช้รางกระดูกงู
รางกระดูกงู (Cable Drag Chain) เป็นอีกอุปรกณ์ที่มีความนิยมในการใช้งานในงานอุตสาหกรรม ที่ช่วยในด้านการเคลื่อนไหวของเครื่องจักร และช่วยให้สายไฟ ไม่หลุดออกจากตำแหน่ง ลดโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับสายไฟ ทำให้สายไฟหรือสายสัญญาณมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น และยังช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย
ทำไมถึงต้องเลือกรางกระดูกงูกับเรา
สินค้าที่เราได้จัดจำหน่าย เราได้นำเข้าสินค้าที่มีคุณภาพสูง และผ่านมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกยอมรับ นอกจากนี้เรายังเน้นการบริการอย่างจริงใจ เพื่อความพึ่งพอใจของคุณลูกค้า จึงมั่นใจได้ว่าสินค้าที่คุณจะได้รับมีคุณภาพ รับรองความถูกต้อง สามารถใช้งานได้จริง และมีการจัดส่งที่รวดเร็ว (ถ้าสินค้าชิ้นนั้นมีสต๊อค) จะส่งตรงถึงมือคุณภายใน 1 – 3 วันทำการ
สนใจรางกระดูกงู